Sunday, April 5, 2015

วัดพระแก้วดอนเต้า//กาดกองต้า

มารีวิวต่อครับ หลังจากขี้เกียจอยู่หลายวัน รูปแรกที่เห็น คือ พระบรมธาตุดอนเต้า ถ้าไปดูในตอนเย็นจะเห็นบรรยากาศสวยงามมาก มีท้องฟ้าสีครามที่น่าถ่ายรูปไว้อวดเพื่อนๆยิ่งนัก

อีกด้านก็มีองค์พระธาตุเหมือนกัน ท้องฟ้าด้านนี้ไม่ค่อยแจ่มใส แต่ก็กลมกลืนกับตัวพระธาตุยิ่งนัก


ซูมดูใกล้ๆ จะเห็นชัดเจนเลย (สายไฟ) อิอิ แต่ว่าคือพระธาตุอะไรนะ เดี๋ยวค่อยไปดู


หันกลับมาถ่ายทางนี้อีกรูป


จากนั้นก็นมัสการหลวงพ่อโตก่อน ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ


ทีนี้ย่องขึ้นมาด้านบน.. แล้วก็หลบมุม.. ซุ่มอยู่ตรงพุ่มไม้.. แอบถ่ายพระธาตุอีก 1 แช๊ะ


ภาพที่เห็นนี้ด้านในจะมีพระนอนอยู่ครับ องค์ใหญ่มาก ไม่มีภาพองค์พระให้ดูนะ ผมเก็บไว้ดูคนเดียว อิอิ


เขาว่าใครได้ลอดท้องช้างจะเป็นศิริมงคลมาก อย่าลืมแวะมาลอดนะคร้าบ


ด้านหนึ่งของพระอุโบสถ ที่บอกว่า"ด้านหนึ่ง" เพราะชักจะงงๆว่าด้านไหนคือด้านหน้า 555+


ถ้าไม่เชื่อผมก็ลองดูอีกด้านสิ คล้ายกันเลย (แต่ผมก็แยกออกอยู่นะ อย่าพึ่งด่าผมโง่)


นี่เป็นศาลาข้างๆ ซึ่งก็สวยงามอีกตามเคย


ด้านหน้าของพระอุโบสถครับ ดูบรรยากาศสิ น่าไปมาก 


นี่คือวัดสุชาดารามครับ อยู่คู่กับพระธาตุสีขาวในภาพด้านบนครับ
ได้เวลาออกเดินทางไปยังอีก 1 ที่แล้วครับ


สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาวนั่นเอง เป็นที่ที่หลายคนอยากมาถ่ายรูปไว้อวดเพื่อน // ล้อเล่น



เดินมาชมบรรยากาศแถวนั้นยามเย็นซะหน่อย จะบอกให้ว่าน้ำใสมากๆ เห็นปลากำลังเต้นแอโรบิคอยู่เลยครับ


แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ติดกับสะพานก็คือกาดกองต้านั่นเอง ดีใจมากครับ จะได้เดินกาดแล้ว


เขากำลังจะเริ่มขายของกัน ผมก็มาเดินก่อนเลยครับ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจมาซื้อ 555+


สิ่งที่ชอบมากก็คือสภาพแวดล้อมรอบๆครับ ถนนคนเดินต้องอยู่ในเมืองโบราณถึงจะเหมาะ


หาดูได้ยากนะครับ ถนนคนเดินในที่แบบนี้


แบบนี้ก็สวยครับ


แวะตรงนี้หน่อยก็ดีนะ


คือร้านขายลูกชิ้น คนต่อคิวเยอะจริงๆ เสียดายที่ผมไม่ได้ซื้อ


ไข่ปิ้งก็อร่อยมากนะ แต่เสียดายที่ไม่ได้ซื้อ 555+

นี่บ้านผมเรียกว่า "ปุ๊กข้าว" ก็คือกระปุกที่เอาไว้ใส่ข้าวเหนียวนั่นเอง แต่ตอนผมเป็นเด็กผมก็ทำพังไปหลายใบครับ ผมเอาด้วงกว่างไปใส่ครับ ขาดหมด


ตอนเป็นเด็กก็หล่อแบบนี้แหละครับ


เดินออกมาถ่ายสะพานอีกที เพราะมันสวยครับ


ณ ตอนนี้ก็เวลาจะ 18.00 แล้ว สำหรับใครที่จะเดินทางกลับก็ซื้อตั๋วที่สถานีขนส่งได้เลยครับ แต่ผมนะยังไม่อยากกลับหรอก ไหนๆก็ไหนๆลองหาอะไรเย็นๆจิบให้ชื่นใจแล้วค่อยกลับจะดีกว่า ต้องลองดูนะครับ

สุดท้ายนี้ เชื่อไหมครับการเดินทางจะทำให้เราโตขึ้น ไม่ต้องเชื่อผมหรอกครับ เก็บไว้คิดหลังจากที่คุณได้ออกเดินทางไปแล้ว คุณจะพบคำตอบ

สำหรับวันนี้ ม้าไม่ได้ไปก่อน แพะไม่ได้ไปก่อน แกะก็ยังไม่ได้ไปก่อน ......ลาไปก่อน


Tuesday, March 31, 2015

บ้านเสานัก

 บ้านเสานัก มีเสาถึง 116 ต้น นักแต๊ๆเลย ต้องหาโอกาสไปชมนะครับ


 สำหรับการเข้าชมก็มีค่าธรรมเนียม 50 บาท มีส่วนลดค่าเครื่องดื่มด้วยนะครับ


 ด้านล่างของตัวบ้านเป็นแบบนี้


 ขึ้นบันไดไป เลี้ยวซ้าย แล้วหันหลังกลับ กดไป 1 แช๊ะ


 นี่คือส่วนหน้าครับ ถ้าเดินขึ้นบันไดมาก็เจอเลย


 มุมซ้าย


 ห้องนอนครับ ดูโปร่งมาก


 ห้องรับประทานอาหาร บรรยากาศดีมาก


 ห้องรับแขก


 รูปนี้ใช้ลักษณะเฉพาะตัวในการถ่าย นั่นคือความเตี้ยนั่นเอง 5555


นี่คือทางเดิน ซึ่งมีการจัดองค์ประกอบได้อย่างสวยงาม


 ลงมาด้านล่าง ก่อนเข้าไปดูว่าใต้ถุนนั้นมีอะไร


 โอ้วว มีข้าวแตนกับน้ำมะขาม กินแล้วชื่นใจ


 มีที่ขายอาหารและเครื่องดื่ม บอกได้เลยว่าข้าวแตนอร่อยมาก


 รูปนี้ที่บ้านผมเรียกว่าเล้าข้าวครับ แต่เสาเล้าข้าวนี้มีตั้ง 24 ต้น ก็พึ่งเคยเห็นนี่แหละ


 ใครมาลำปางแล้วไม่ได้นั่งรถม้าก็มานั่งที่นี่ได้ครับ แต่ไม่มีม้านะครับ 555+  ใครจะขึ้นไปนั่งก็ได้ (มั้ง) แต่ผมไม่กล้าหรอก


ก่อนไปต่อก็มานั่งมุมนี้ถ่ายรูปอีก 1 แช๊ะ ณ ตอนนี้ 4 โมงกว่าแล้ว ต้องไปต่อ


Next Station

Monday, March 30, 2015

อาปาอี้

หลังลงรถไฟเสร็จก็เดินทางไปสถานีขนส่งจังหวัดลำปาง (เดินจริงๆนะ 1.4 km) เปิดแผนที่กูเกิลแล้วก็เดินไป เหลียวซ้ายแลขวาก็ลั่นชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ


เจอทางแยกก็ยังถ่าย


มาถึงสถานีขนส่งจังหวัดลำปางแล้ว เหนื่อยเหมือนกันแฮะ


มาเพื่อที่จะซื้อตั๋วรถทัวร์กลับเชียงใหม่ตอนกลางคืน แต่ว่ายังไม่มีตั๋ว สงสัยคืนนี้ต้องนอนที่นี่แน่นอน (คิดในใจ)


ร้านขายของฝากก็มีนะ แต่ไม่ซื้อหรอก อิอิ


แวะทานข้าวแถวนี้ละกัน จะบ่ายโมงแล้ว


กินข้าวเสร็จก็หายตัวมาที่นี่เลย ระยะทางไม่ถึง 5 km ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี (อ่านป้ายก็ได้นะ) ต้นตำหรับของถ้วยที่มีรูปไก่ติด ไปดูข้างในกันเลย


นี่เป็นรูปปั้นของอาปาอี้ ผู้ริเริ่มอะไรสักอย่างนี่แหละ


เข้ามาก็มีค่าธรรมเนียม 50 บาท สำหรับเที่ยวชม แต่รับรองว่าคุ้ม เพราะมีพี่มัคคุเทศก์พาเที่ยวชมและให้ข้อมูลที่มีสาระน่ารู้มาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้บัตรเข้าชมแลกรับส่วนลดค่าของฝากและค่าเครื่องดื่มได้อีกด้วย 


ที่สำหรับถ่ายรูปอวดเพื่อนๆ


ห้องน้ำสุดเจ๋ง ใช้เศษวัสดุที่แตกประดับเป็นลวดลายต่างๆ


ดินที่เห็นอยู่นี้ ไม่ใช่ดินเชียงใหม่เน้อจะบอกให้            มันคือดินตาก 555+


การเอาถ้วยขนมเข้าเตาอบ จะต้องวางในถาดรอง ซึ่งถาดรองนี้เรียกว่า.....อะไรไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว


ถ้วยขนาดใหญ่


เมื่อเทียบกับมือ จะเห็นได้ว่าถ้าเอาแกงใส่ถ้วยนี้ สามารถกินได้ทั้งตำบล


ผมนี่ยืนตบมือให้เลยครับ     (ตู้โชว์)


อาจจะดูเบลอๆนะ ลองขยี้ตาดูสิแล้วจะหาย


เมื่อกี้ผมล้อเล่น


เซรามิคยังใช้ทำกระปุกของเหลวได้อีกนะ ถ้าใส่เหล้าแล้วกดๆใส่ปากคงจะฟินมาก


แจกันที่ถูกออกแบบให้ตั้งไว้เฉยๆก็สวย


มีลวดลาย จบ


นี่ก็มีลวดลาย


แบบไทยๆ


สวยอ่า ถ้าใครพาแฟนมาด้วยนี่ได้เสียตังค์ซื้อแน่


สวยๆ


นี่สิน่าสนใจ คิดเหมือนผมไหมครับว่าเซรามิคใช้ทำเหรียญได้อย่างไร     แหม๊ ไอเดียบรรเจิด
ไม่ใช่หรอกครับ มันคือเหรียญที่เขาได้กลับมาจากงานแสดงสินค้าที่ประเทศต่างๆ


สวยงาม


ชุบน้ำทอง


สวยอีกแล้ว  ไปดูที่อื่นต่อ

 มาแล้ววว นี่คือตำนาน


 อาปาอี้เป็นใครนะเหรอ ถ้าอยากรู้ต้องไปอ่าน


 ของส่วนตัวของอาปาอี้


 นี่ไง จักรยาน ส่วนด้านล่างนั้น แร่ดินขาว ซึ่งคนสมัยก่อนใช้ลับมีด


 แบบจำลองเตามังกรโบราณ


ข้ามมาหลายจุด มาถึงการวาดลวดลาย ต้องวาดทีละใบนะ


 การขึ้นรูปโดยการหล่อน้ำดิน


 หลังจากนั้นก็แกะออก ซึ่งยังนิ่มๆอยู่เลย ลองจับดูสิ


 นี่ไงเตามังกรโบราณ


 การอบด้วยเตาแก๊ส เจ๋งมาก คือนำดินที่ต้องการอบวางบนหลังเตา จากนั้นก็เปิดเครื่องอบ // ล้อเล่น


 น่ากินมากเลย


 ใส่เส้นเพื่อให้แยกออกระหว่างถ้วยขนมกับถ้วยน้ำจิ้ม เนี๊ยยย มีสาระ เฮ้ยยยๆ
 เคลือบด้วยสารบางอย่างก่อนนำไปอบ


 เหนื่อยละ มาซื้อเครื่องดื่มก่อน ส่วนลด 20 เลยนะ


 จัดชาเขียวให้ชื่นใจ


อย่าลืมซื้อของฝากล่ะ เพียบเลย
มาอยู่ตรงนี้นานเหมือนกัน บ่าย 3 กว่าละ ต้องลุยต่อ


Next Station.